วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อตกลงเขตการค้าเสรีของไทย ตอนจบ

ผลกระทบจากการจัดทำ FTA

การลด/เลิก อากรขาเข้าทำให้ราคาสินค้านำเข้าถูกลง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ส่งออก ด้ายราคาวัตถุดิบนำเข้าที่ลดลง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่มีอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศน้อยลง ทั้งในด้านภาษีอากรและมาตรการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ ทำนองเดียวกับประเทศคู่สัญญาในเรื่องของโอกาสที่มาพร้อมกับการแข่งขัน ผลกระทบที่จะเกิดจึงเป็นทั้งเชิงบวก และเขิงลบ ทั้งนี้ผู้ใดที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปรงที่เร็วกว่า และไขว่คว้าโอกาสที่เปิดขึ้นนี้ได้มากกว่า ย่อมเป็นผู้จะได้รับประโยชน์สูงสุด

ความเป็นไปของ FTA แต่ละฉบับ

เหตุผลสำคัญในการเลือกประเทศเพื่อจัดทำ FTA ของไทย เช่น การรักษาศักยภาพในการส่งออก และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดสำัคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น กลุ่มอาเซียน(10 ประเทศประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ เวียดนาม บูรไน ลาว พม่าและกัมพูชา) อีกทั้งตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ จีน อินเดีย ออสเตรเลีย กลุ่ม BIMSTEC (Bay of Bengal initative for multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation มีสมาชิก 7 ประเทศ ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทย) ประตูการค้าสู่ภูมิภาค ได้แ่ก่ สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (Europe Free Trade Association - EFTA) เม็กซิโก เกาหลี และกลุ่ม Mercosur (Mercado Comun del Sur ในภาษาเสปน หรือ Southern common Market ในภาษาอังกฤษหรือตลาดร่วมอเมริกาตอนล่าง มีสมาชิก 10 ประเทศ ประกอบด้วย อาร์เจนตินา บราซิล ปารากวัย อุรุกวัย ชิลี โบลิเวีย เปรู โคลอมเบีย เอกวาดอร์ และเวเนซุเอลา)


ที่มา:วันเพ็ญ หรูจิตตวิวัฒน์

มิติที่เป็นไปได้ของเขตการค้าเสรี

วารสารส่งเสริมการลงทุน

พ.ย.52
คัดลอกมาจาก การบริหาร กลยุทธ์

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อตกลงเขตการค้าเสรีของไทย ตอนที่1

ว่าไปแล้วอันนี้ไม่เกี่ยวกับการบริหารเชิงกลยุทธ์โดยตรงนัก แต่ก็คิดว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่เป็นประโยชน์สำหรับนักวางแผนเชิงกลยุทธ์เช่นเดียวกัน

เขตการค้าเสรี (Free Trade Area-FTA) หรือความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement) ไม่ใช่ของใหม่อีกแล้ว แม้หลายคนอาจไม่รู้จักก็ตาม เนื่องจาก FTA ฉบับแรกมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2535 เป็นเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area- AFTA) ซึ่งในปัจจุบันมี FTA อีกหลายฉบับตามมา ซื้งเราจะมาติดตามกันว่า แต่ละฉบับมีความเป็นไปอย่างไร รวมถึงจะได้มาทำความเข้าใจถึงเป้าหมาย และสาระสำคัญในการจัดทำ FTA และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นด้วย

เป้าหมายการจัดทำ FTA
FTA เป็นความตกลงระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันให้เหลื่อน้อยที่สุด สร้างการค้าเสรีมากยิ่งขึั้น ลด/เลิก อากรขาเข้า และมาตรการกีดกันทางการค้า่ต่าง ๆ ส่งผลใ้ห้เกิดการสร้าง และขยายโอกาสทางการค้า อีกทั้งเพิ่มพันธมิตรทางเศรษฐกิจ และยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางการค้า เนื่องจากการ ลด/เลิกอากรขาเข้าทำให้ราคาสินค้าต่ำกว่าประเทศอื่นที่อยู่นอกกลุ่ม FTA

รูปแบบ FTA จะมีหลักเกณฑ์อย่างไร ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ประเทศคู่ัสัญญาตกลงกัน โดยที่ไทยมีหลักเกณฑ์ในการจัดทำ FTA ที่ครอบคลุมการเปิดเสรีทั้งด้านการค้าอื่นที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Measure -NTM) เช่น มาตรฐานสินค้านำเข้า มาตรการโควตา เป็นต้น ภายใต้เป้าหมายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ไม่สร้างอุปสรรคทางการค้ัาเพิ่ิม ครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศมากพอ และมีตารางกรลดภาษี หรือเปิดเสรีพร้อมรายละเ้อียดสินค้าที่จะลดภาษี ลดอย่างไร และใช้เวลายาวนานเท่าไรในการลดภาษี

หลักเกณฑ์สำคัญในการจัดทำ FTA ของไทย นอกจากกรอบที่กว้าง และครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศมากพอแล้ว ยังต้องมีความโปร่งใส เปิดให้สมาชิกองค์การค้าโลก (World Trade Organization - WTO) อื่นตรวจสอบความตกลง ได้มีความยืดหยุ่นสอดคล้องกับระดับการพัฒนาของประเทศคู่เจรจาเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งมีมาตรการป้องกันผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในจากการเปิดเสรี เช่น มาตรการต่อต้านการอุดหนุน (Counter-vailing Duties - CVD) มาตรการปกป้อง (Safeguards) และกลไกการยุติข้อพิพาททางการค้าอย่างเ็ป็นธรรม เป็นต้น


ที่มา:วันเพ็ญ หรูจิตตวิวัฒน์
มิติที่เป็นไปได้ของเขตการค้าเสรี
วารสาร ส่งเสริมการลงทุน
พ.ย.52
คัดลอกจาก การบริหาร กลยุทธ์

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาโครงการขอรับความช่วยเหลือ

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาโครงการขอรับความช่วยเหลือ มีอะไรบ้าง
ตอบ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้ทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการฯ ที่เสนอขอความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ และนำเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณา ซึ่งผู้เสนอโครงการจะต้องเป็นกลุ่มผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรีโดยพิจารณาได้จาก
1) สินค้า/บริการประเภทเดียวกันมีปริมาณนำเข้ามาจากต่างประเทศหลังจากการเปิดการค้าเสรีเพิ่มขึ้นผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยที่ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ หรือมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะได้รับผลกระทบ
2) ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้ามีแนวโน้มลดลง
3) การจ้างงานลดลง
4) มีผลการศึกษาระบุว่าภาคการผลิตหรือภาคบริการนั้น ๆ ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

ใครจะเป็นผู้มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือจากโครงการฯได้บ้าง

ใครจะเป็นผู้มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือจากโครงการฯได้บ้าง และมีขั้นตอนการขอความช่วยเหลือมีอย่างไรบ้าง
ตอบ ผู้มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือ ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม/บริการ ที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า และต้องการขอรับความช่วยเหลือในระยะสั้นเพื่อให้สามารถปรับตัวได้ และขอรับความช่วยเหลือ กลุ่มผู้ผลิตจะต้องจัดทำโครงการเสนอฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าที่กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ โดยเสรอผ่านสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการค้าได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ทำสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ทำสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เกี่ยวข้องเพราะขายอุปกรณ์ให้สินค้าที่ได้รับผลกระทบ แต่จะเกี่ยวเนื่องด้วยเพราะปริมาณที่ขายได้ลดลง จะขอใช้เงินกองทุนฯ บ้างได้หรือไม่
ตอบ สินค้าที่เป็นอุปกรณ์ หรือส่วนประกอบของสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าอยู่ในข่ายที่ได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากมีผลกระทบทางอ้อมอันเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าลดลง สามารถเขียนโครงการขอรับความช่วยเหลือจากเงินกองทุนฯ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

การเสนอผ่านสถาบันทางการค้า

การเสนอผ่านสถาบันทางการค้า เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเสนอผ่านทำไมยุ่งยาก หน่วยงานพวกนี้จะทำให้หรือ
ตอบ เนื่องจากการขอใช้เงินช่วยเหลือจากกองทุนฯ กำหนดให้เป็นกลุ่มผู้ผลิต หรือกลุ่มผู้ให้บริการ จึงต้องการให้หน่วยงานดังกล่าวได้ทราบว่า มีปัญหาผลกระทบเนื่องจากการเปิดเสรีทางการค้ากับกลุ่มผู้ผลิตหรือกลุ่มผู้ให้บริการดังกล่าวแล้ว รวมทั้งให้ช่วยตรวจสอบในเบื้องต้นให้กับกรมฯ ด้วยว่า กลุ่มผู้ผลิตหรือกลุ่มผู้ให้บริการดังกล่าวมีตัวตนจริง และหน่วยงานดังกล่าวทราบถึงความเป็นมาของกองทุนฯ อยู่แล้ว จึงไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการผ่านเรื่องให้กรมฯ

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

การขอเงินสนับสนุนกองทุนฯ FTA จะขอในลักษณะอย่างไร เอาอะไรเป็นเกณฑ์ในการขอเงินสนับสนุน และจะทำการประเมินอย่างไร

ตอบ การขอเงินสนับสนุนกองทุนฯ FTA จะต้องขอความช่วยเหลือเป็นโครงการ โดยจะต้องเป็นกลุ่มผู้ผลิต/บริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า เช่น มีส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าที่ลดลง มีการนำเข้าสินค้าประเภทเดียวกันกับที่ผลิตอยู่เป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัดเจน หรือมีการคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบ หรือมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะได้รับผลกระทบ หรือมีการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ว่าจะได้รับผลกระทบ หรือมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องลดลง เป็นต้น สำหรับการประเมินผล ขณะนี้กรมฯ กำลังเตรียมทีมงานติดตามและประเมินผลโครงการที่ได้รับอนุมัติและอย่างใกล้ชิด

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

การจัดทำโครงการเพื่อขอความช่วยเหลือจากโครงการให้ความช่วยเหลือ

การจัดทำโครงการเพื่อขอความช่วยเหลือจากโครงการให้ความช่วยเหลือฯ ผู้ประกอบการต้องมีการศึกษา วิเคราะห์ หาสาเหตุของผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้บุคลากรและเงิน ในการศึกษาจะสามารถขอเงินได้จากแหล่งใดบ้างและขอตอบ ให้ดูว่าสินค้าที่มีผลกระทบนั้นไทยได้ลดภาษีให้แก่ประเทศใดบ้างอาจใช้ข้อมูลเบื้องต้นก็ได้ โดยดูว่ามีผลกระทบอย่างไร เมื่อเห็นว่ามีผลกระทบก็สามารถเสนอโครงการเพื่อขอความช่วยเหลือได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือวิเคราะห์ในเชิงลึกเพราะอาจสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ตัวอย่างโครงการที่ได้อนุมัติแล้วหลายโครงการ สามารถติดต่อขอดูเป็นตัวอย่างได้ อย่างไรก็ดี หากเขียนโครงการมาแล้วก็สามารถขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบว่าตรงตามหลักเกณฑ์และต้องปรับปรุงอย่างไรได้
ตัวอย่างโครงการขอความช่วยเหลือ

โครงการจัดทำระบบประกันคุณภาพ GMP

โครงการจัดทำระบบประกันคุณภาพ GMP สำหรับโรงงานผลิตปลาป่น มีการได้รับอนุมัติโครงการจากกองทุนฯ FTA ไปแล้ว เงินสนับสนุนจะได้ทุกโรงงานหรือไม่ แล้วโรงงานผลิตปลาป่นที่ยังไม่ได้ GMP จะได้ด้วยหรือเปล่า และหน่วยงานใดที่จะเข้าตรวจสอบ GMP ให้กับโรงงานผลิตปลาป่น

ตอบ โครงการจัดทำระบบประกันคุณภาพ GMP สำหรับโรงงานผลิตปลาป่นที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนฯ FTA จะเป็นการจัดจ้างที่ปรึกษาเข้าไปช่วยเหลือในการจัดทำ/ปรับปรุงระบบภายในของโรงงานที่เข้าร่วมโครงการ 40 โรงงานให้สามารถผ่านการตรวจสอบระบบ GMP ของกรมปศุสัตว์ ดังนั้น หากโรงงานผู้ผลิตปลาป่นที่เป็นสมาชิกของสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

การฝึกอบรม/สัมมนาครั้งต่อไป ควรจัดเฉพาะส่วนหรือกลุ่มได้หรือไม่เพื่อความเข้าใจในการสอบถามปัญหาข้อสงสัย

ตอบ หากต้องการจัดฝึกอบรม/สัมมนาเฉพาะกลุ่ม ทางกรมฯ ยินดีดำเนินการให้ ให้แจ้งความประสงค์มาที่กรมฯ ได้ เพื่อนัดหมายการดำเนินการ

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่รู้จะเขียนโครงการอย่างไร ถึงจะมีแบบฟอร์มโครงการให้แต่ไม่รู้จะใช้ภาษาเขียนอย่างไร ให้ทางผู้อนุมัติเข้าใจอยากให้มีการจัดสัมมนาการเขียนโครงการให้ด้วย

ตอบ การเขียนโครงการมีแบบฟอร์ม พร้อมคำอธิบายเพื่อที่จะได้เข้าได้ง่ายขึ้น แต่หากกลุ่มผู้ผลิตใดยังไม่สามารถดำเนินการได้ ก็สามารถหารือกับกรมฯ ในเบื้องต้นได้ ซึ่งกรมฯ จะช่วยดูแลการเขียนโครงการให้ หากต้องการให้จัดสัมมนาการเขียนโครงการให้ด้วย ให้แจ้งประสานมากรมฯ จะได้จัดให้ตามความเหมาะสม

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

กองทุนฯ ให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าหรือไม่ ต้องทำอะไรอีก และมีการติดตามประเมินผลหรือไม่

ตอบ - กองทุนฯ FTA จะไม่จ่ายเงินเป็นเงินสด (in cash) ให้แก่ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตแบบให้เปล่า แต่จะเป็นการให้ความช่วยเหลือ (in kind) ในรูปของการศึกษาวิจัย และพัฒนาการจัดหาที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือในการปรับปรุงธุรกิจ การฝึกอบรมหาอาชีพใหม่ให้กับคนงานในอุตสาหกรรมที่ต้องล้มเลิกไป กิจกรรมที่มีผลโดยรวมต่อการสนับสนุนการบริโภค การตลาดฯ ในภายการผลิตหรือภาคบริการนั้น ๆ รวมทั้งการจัดฝึกอบรม การสัมมนา การเผยแพร่ความรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว
- มีการติดตามและประเมินผล โดยเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตาม และประเมินผลการดำเนินการของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการฯ ทั้งในระหว่างดำเนินโครงการและหลังดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้นำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาอนุมัติเบิกจ่ายเงินงวดของโครงการต่าง ๆ

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

การขอใช้เงินกองทุน FTA

การขอใช้เงินกองทุน FTA ต้องทำเป็นโครงการ โดยมีรายละเอียด 12 ข้อ ได้แก่
1.ชือโครงการ
2.ผุ้เสนอโครงการ
3.เสนอผ่านสถาบัน(ให้ระบุ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง)
4.เหตุผล ความจำเป็นในการเสอนโครงการ
5.วัตถุประสงค์ของโครงการ
6.ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมช่วยเหลือ
7.รูปแบบการขอรับความช่วยเหลือ
8.วิธีดำเนินการ
9.วงเงินที่เสนอขอรับความช่วยเหลือ
10.ระยะเวลาการดำเนินการ
11.ผลสัมฤทธิ์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ
12.ตัวชี้วัดของโครงการ
โครงการที่เสนอขอรับความช่วยเหลือจะต้องเป็นโครงการระยะสั้น ควรจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1-2ปี

วัตถุประสงค์ของโครงการเงินช่วยเหลือ หรือกองทุน FTA ต้องการช่วยเหลือผุ้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ในชั้นต้นเนื่องจากเงินมีจำนวนจำกัด จึงต้องการให้ความช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ในลักษณะภาพรวมก่อน จึงกำหนดให้เป็นกลุ่มผู้ผลิต หรือกลุ่มผลิต หรือกลุ่มผู้ให้บริการที่ได้รับผลกระทบร่วมกัน

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

การส่งออกอาหารไปอเมริกาภายใต้กฎหมาย Bioterrorism Act จะต้องกำเนินการอย่างไร

ภายใต้กฎหมาย Bioterrorism (กฎหมายป้องกันการก่อการร้ายทางชีวภาพของ สหรัฐ)ผู้ประกอบการอาหารต้องดำเนินการดังนี้
1.ต้องยื่นจดทะเบียนสถานที่ประกอบการอาหารโดยตรงกับ USFDA โดยใช้แบบฟอร์ม 3537 ทางเว็บไซต์ www.ctsan.fda.for ไม่เสียค่าใช้จายใด ๆ ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ ให้ขอแบบฟอร์มจาก USFDA ได้ 2 วิธีคือ ทางโทรศัพท์ 1-888-463-6332 หรือ ทางไปรษษีย์ถึง
US Food and Drug Administration
HFS-681 5600 Fisher Lane
Rockville MD 20857-0001,U.S.A.

2.ต้องดำเนินการแจ้งข้อมูลสินค้าล่วงหน้าก่อนนำเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (ปกติผุ้นำเข้าจะเป็นผู้ดำเนินการ)จะต้องแจ้งข้อมูลสินค้า ก่อนเดินทางมาถึงสหรัฐฯ

3.สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซด์ www.dft.go.th

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

มาตรการตรวจสอบสารตะกั่วในสินค้าก่อนการส่งออกไปอเมริการเป็ยอย่างไร

ตอบ
มาตรการการตรวจสอบสารตะกั่วเป็นมาตรการทำหน่วยงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) เชื่อว่าการปนเปือนของสารตะกั่วอาจเกิดขึ้นในระหว่าขั้นตอนการผลิต เช่น เหยือก ถ้วยการแฟ ชุดรับประทานหารหรือผลิตภัณฑ์ เซรามิกที่ใช้ตกแต่ง หรือสารที่เป็นกรด เช่น มะเขือเทศ น้ำผลไม้อื่น ๆ ซอลมะเขือเทศ ไวน์และน้ำส้ม ที่เก็บในภาชนะเคลือบมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายสูง

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใข้สารที่เป็นอันตรายบางประเภทในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์(The Restriction of the Use of Certain Hazardous Substances in Electrical and Electronic Equipment

RoHS ระเบียบของสหภาพยุโรปกำหนดให้ประเทศสมาชิก (ผุ้ผลิต/ผู้จำหน่ายและผู้นำเข้า) ห้ามใช้สารอันตราย 6 ชนิด เกินปริมาณที่กำหนดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรป หลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 สารอันตรายด้งกล่าวคือ
1-ตะกั่ว(lead)
2-ปรอท(Mercury)
3-แคดเมียม(Cadmium)
4-Hexavalent Chromium
5-Polybrominated Biphenyls (PBB)
6-Polybrominated Diphenyl Ethers (PBDE)
ทั้งนี้มีการอนุญาติให้ใช้สารอันตรายตามข้อ 1-4 ในบางผลิตภัณฑ์ ซึ่งต้องมีหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้วว่าไม่สามารถยกเลิกการใช้สารเหล่านี้ได้ หรือหากมีการใช้สารอื่น ๆ ทดแทนในการผลิตจะยิ่งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม และความปลอดภัยของผู้บริโภค (ศึกษารายละเอียดข้อยกเว้นซึงจะมีการปรับปรุงทุก 4 ปี รายละเอียดเพิ่มเติม http://europa.eu.int

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

สหภาพยุโรปออกระเบียบปฏิบัติสินค้าเกษตรอินทรีย์ฉบับใหม่

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2551 สหภาพยุโรปได้ออกประกาศระเบียบปฏิบัติสินค้าเกษตรอินทรีย์ฉบับใหม่ (Commission Regulation (EC) No 889/2008) เพื่อเป็นบทเสริมและรองรับการปรับใช้กฎระเบียบสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เป็นกรอบใหญ่ (Council Regulation (EC) No 834/2007) ซึ่งจะบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2552 เพื่อให้การผลิต การบรรจุภัณฑ์ การแปรรูป การเก็บรักษาและการขนส่งสินค้าเกษตรอินทรีย์ การติดฉลาก และการควบคุมสินค้าอินทรีย์ของประเทศสมาชิกเป็นมาตรฐานเดียวกัน (Harmonization) และไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่แตกต่างกันในการปฏิบัติต่อสินค้าที่ผลิตได้จากประเทศภายในสหภาพและจากประเทศที่สาม โดยระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าเกษตรอินทรีย์ฉบับใหม่ดังกล่าว สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1. กำหนดรายละเอียดข้อบังคับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ดังนี้

1.1 การผลิตพืช (Plant production) เช่น การจัดการเรื่องดินและปุ๋ยเคมี การห้ามใช้ระบบ เพาะปลูกแบบไม่ใช้ดิน การจัดการเรื่องแมลงศัตรูพืช เชื้อโรค และวัชพืช เป็นต้น

1.2 การเลี้ยงปศุสัตว์ (Livestock production) ซึ่งครอบคลุมสัตว์ประเภทโค กระบือ รวมทั้ง bubalus bison สุกร แกะ แพะ สัตว์ปีก และผึ้ง เช่น แหล่งที่มาของสัตว์อินทรีย์/สัตว์ที่ไม่ใช่อินทรีย์ การเลี้ยงสัตว์ในโรงเลี้ยงและการเลี้ยงในทุ่ง ความหนาแน่นในการเลี้ยงสัตว์ การห้ามเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเกษตรกรรม เป็นต้น

1.3 การป้องกันโรคและการรักษาทางสัตวแพทย์ (Disease prevention and veterinary treatment) การแปรรูป (Processed product) การปรับเปลี่ยน (Conversion rules) การติดฉลากและการใช้ตราประจำสหภาพ (Community logo) และการควบคุมตรวจสอบ เป็นต้น

2. สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่นำเข้าต้องอยู่ในห่อบรรจุหรือในตู้สินค้าที่มีการปิดหีบห่ออย่างเคร่งครัด ไม่มีสินค้าอื่นสอดแทรก รวมทั้งต้องระบุรหัสผู้ส่งออก (Identification of the exporter) สัญลักษณ์ หมายเลขอื่นใดที่แสดงให้ทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้า lot นั้นๆ พร้อมกับใบรับรองการตรวจสอบการนำเข้าจากประเทศที่สาม (Certificate of control for import from third countries)

3. เมื่อสินค้าอินทรีย์จากประเทศนอกอียูส่งมาถึงอียู ผู้รับสินค้ารายแรกจะต้องตรวจสอบหีบห่อและตู้สินค้าว่ามีการปิดไว้อย่างมิดชิด รวมทั้งตรวจสอบใบรับรองการตรวจสอบการนำเข้าจากประเทศที่สาม ว่าครอบคลุมชนิดสินค้าที่ระบุใน lot สินค้านั้นๆ

4. ขยายเวลาการปรับใช้สัญลักษณ์ประจำสหภาพ (Community logo) ของสินค้าเกษตรอินทรีย์จากเดิมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติสินค้าเกษตรอินทรีย์ฉบับใหม่ (Commission Regulation (EC) No 889/008) สามารถดูได้ที่ http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L:2008:250:0001:0084:EN :PDF

ทั้งนี้ไทยอยู่ระหว่างรอการพิจารณาขึ้นบัญชีรายชื่อประเทศที่สามที่สามารถส่งสินค้าเกษตรอินทรีย์เข้าไปจำหน่ายในสหภาพยุโรป ซึ่งคาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาการพิจารณาประมาณ 2-3 ปี

___________________________________________________

ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

กลุ่มมาตรการ TBT

สำนักมาตรการทางการค้า

ตุลาคม 2551

www.dft.go.th

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

การทุ่มตลาด คืออะไร

ตอบ คือการส่งออกสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ โดยที่ราคาส่งออกนั้นต่ำกว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิดเดียวกันที่จำหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศผู้ส่งออก/ผู้ผลิต

ปัจจุบันมีสินค้าใดที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ตอบ สามารถค้นหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ www.dft.go.th

การขำคำแนะนำ และยื่นคำร้องขอให้ไต่ส่วนการทุ่มตลาด ยื่นได้ที่ไหน
ตอบ สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ พร้อมคำขอตามแบบที่กำหนดและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงว่ามีการทุ่มตลาด และทำให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในหรือขอคำแนะนำได้ที่ โทร. 02-547-4738-40

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

REACH คืออะไร

ตอบ
ระเบียบว่าด้วยการจัดการสารเคมของ EU ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 มิ.ย.2550 โดยกำหนดให้มีการจดทะเบียน ประเมินเอกสารและความเป็นอันตรายและสารเคมี ขออนุญาติผลิตหรือนำเข้า และจำกัดการใช้สารเคมี เคมีภัณฑ์ สารที่ใช้ในขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์ และสารเคมีผลิตภัณฑ์ ที่มีการผลิตหรือนำเข้าใน EU เกินกว่า 1 ตันต่อปี
ผู้ที่มีหน้าที่ต้องปฎิบัติตาม REACH คือ ผู้ผลิต นำเข้าสารเคมี และ ผลิตภัณฑ์ ที่มีถิ่นพำนักใน EU เท่านั้น สำหรับผู้ผลิต นำเข้าของไทยที่ส่งสินค้าไปยัง EU ต้องให้ข้อมูลกับผู้นำเข้าของEU เพื่อใช้จดทะเบียน หรือแต่งตั้งแทน (Only Representative:OR) ที่มีถิ่นฐานใน EU ทำหน้าที่จดทะเบียนแทนในกรณีที่ผุ้นำเข้าไม่รับจดทะเบียน
ขณะระเบียบ REACH กำหนดให้มีการจดทะเบียนล่วงหน้าเฉพาะสารเคมีที่มีการผลิตหรือวางจำหน่ายในตลาดEU ก่อนระเบียบนี้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-1 ธ.ค.51 เพื่อจะได้รับการผ่อนผันการจดทะเบียนตามระยะเวลาของปริมาณและคุณสมบัติของสารเคมีแต่ละประเภท ส่วนสารเคมีทีมีคุณสมบัติไม่เข้าข่ายกันนั้น ต้องจดทะเบียนทันทีให้เสร็จสิ้น โดยเริ่มตั้งแต่ 1 มิ.ย.2551 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม REACH อนุญาติให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนล่วงหน้า หลัง 1 ธ.ค. 2551 ได้ และได้สิทธิขยายเวลาจดทะเบียนออกไป หากผลิต,นำเข้าไปยัง EU ในปริมาณตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไป เป็นครั้งแรก หลัง 1 ธ.ค.2551 ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
-จดทะเบียนล่วงหน้าภายใน 6 เดือนหลังจากผลิต,นำเข้าเกิน1ตัน
-จดทะเบียนล่วงหน้าไม่ช้ากว่า12 เดือน ก่อนหมดเขตการจดทะเบียนจริง
สอบถามความคือหน้าได้ที่กลุ่มมาตรการอื่น ๆ สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 02-547-4735

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ศูนย์ Possec ย่อมาจากอะไร และหมายความว่าอะไร

ศูนย์ Possec ย่อมาจากอะไร และหมายความว่าอะไร

ตอบ Possec ย่อมาจาก Perishable One Stop Service Export Center คือ ศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออกที่มีความพร้อมในการบริการและใช้เทคโนโลยี ช่วยในการจัดการตามหลักมาตรฐานสากล

Possec หมายความว่า เป็นศูนย์กลางการส่งออกผลิตผลพืชสดที่มีการใช้บริการในขั้นตอนพิธีการส่งออกทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชนด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น การบริการตรวจปล่อยสินค้าด้วยอาคารปรับลดอุณหภูมิเพื่อถนอมสินค้าระบบลำเลียงสินค้า Roller

A.T.A Carnet คืออะไร

ตอบ คือเอกสารสากลทางด้านศุลกากรที่ออกให้โดยหอการค้าของแต่ละประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ในการอนุญาตให้นำสินค้าภายใต้เอกสารดังกล่าวเข้าประเทศภาคีสมาชิก อนุสัญญาได้เป็นการชั่วคราวและนำกลับคืนออกมาภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยได้รับการยกเว้นการวางประกันค้าภาษีและการทำเอกสารด้านพิธีการศุลกากร

WEE คืออะไร เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออกอย่างไร

ตอบ WEE (Waste Electrical and Electronic Equipment) คือระเบียบเกี่ยวกับการจัดการและกำจัดซาก / เศษเหลือทิ้งของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของสหภาพยุโรป โดยกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการนำชิ้นส่วน / วัสดุของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลับคืน การใช้ซ้ำและการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recovery / Recycle / Re-use ) ซึ่งระเบียบนี้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 10 กลุ่มได้แก่ (1) เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่

(2) เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็ก (3) อุปกรณ์ IT และอุปกรณ์สื่อสาร (4) เครื่องอุปโภค (5) เครื่องให้แสงสว่าง (6) เครื่องมือไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ยกเว้นเครื่องมืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ชนิดอยู่กับที่) (7) ของเล่น อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และอุปกรณ์กีฬา (8) เครื่องมือแพทย์ (ยกเว้นสินค้าที่ถูกปลูกถ่ายในร่างกาย และที่ติดเชื้อทั้งหมด) (9) เครื่องมือตรวจสอบและควบคุม (10) เครื่องขายของอัตโนมัติทั้งนี้ปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้บังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าว ดังนั้นผู้ประกอบการของไทยที่ผลิต/ส่งออกสินค้าดังกล่าวต้องผลิตสินค้าดังกล่าวต้องผลิตสินค้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดของระเบียบ WEEE เพื่อให้สามารถส่งออกและจำหน่ายสินค้าได้ โดยไม่ถูกตรวจพบข้อบกพร่องของสินค้า ณ ด่านนำเข้า

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553

ใบรับรองการแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือไม่ และต้องติดต่อหน่วยงานใด

ตอบ สามารถติดต่อได้ที่ กองสนธิสัญญา กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทร.02-507-7209

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

มูลค่ารวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งออก จะสามารถหาดูได้จากที่ใด

ตอบ สามารถหาดูข้อมูลได้ที่ สถาบันยานยนต์ กระทรวงอุตสาหกรรม หรือที่โทร. 02-712 2414 หรือ www.ops2.moc.go.th/tradeth/cgi/ex.comm2.asp

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ GSP สินค้าเหล็กไปอียู จะสามารถหาดูได้จากที่ใด

ตอบ สอบถามข้อมูลได้ที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ และสามารถตรวจสอบอัตราภาษีได้ที่ http://exportelp.evropa.eu

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

ต้องการทราบรายชื่อบริษัทที่อยู่ในอเมริกาที่ต้องการนำเข้าสินค้าเครื่องมือแพทย์จากประเทศไทย จะหาข้อมูลได้จากหน่วยงานใด

ตอบ สำหรับรายชื่อบริษัท ที่อยู่ในอเมริกาหรือตลาดต่างประเทศของอเมริกา สามารถค้นหาได้จาก สำนักงานพาณิชย์ต่างประเทศ ประจำประเทศอเมริกาที่อยู่ Office of Commercial Royal Thai Embassy Washington. โทร. 001(202) 429 2949, 467 6790 ext. 19 หรือ กองสนเทศเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เว็บไซต์ www.mfa.go.th/business

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อมูลการค้าไทยในต่างประเทศ สามารถดูข้อมูลได้จากแหล่งใด

ตอบ ข้อมูลการค้าไทยในต่างประเทศสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ กระทรวงการต่างประเทศ เว็บไซต์ www.mfa.go.th ซึ่งจะมีข้อมูล ช่องทางการส่งออก/การลงทุน/ช่องทางธุรกิจ โดยจะแยกประเภทสินค้าเป็น สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม หรือติดต่อโดยตรงกับสำนักงานพาณิชย์ต่างประเทศ

ข้อมูลการรับจำนำข้าว จะสามารถหาดูได้จากหน่วยงานใดได้บ้าง

ตอบ สามารถติดต่อข้อมูลการรับจำนำข้าวได้ที่ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน โทร. 02-547-5502-4 หรือค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dit.go.th สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อยื่นขอความจำนงจำนำข้าวติดต่อได้ที่องค์การคลังสินค้า โทร. 02-507-5186, 02-507-5029, 02-507-5018

อาเซียน + สหภาพยุโรป

ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สหภาพยุโรป (ASEAN - European Union Free Trade Agreement)

เริ่มเมื่อปี 2550(2007) เป็นการเจรจาระหว่างภูมิภาคต่อภูมิภาค ครอบคลุมการเปิดตลาดสินค้า บริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรฐกิจด้านต่าง ๆ ด้วยปัญหาที่สหภาพยุโรปประสบในการเจรจาการค้ากับพม่า ทำให้สหภาพยุโรปเสนอการปรับรูปแบบการเจรจาเป็นการเจรจาทวิภาคีกับประเทศที่มีความมุ่งหวังสูงภายใต้กรอบภูมิภาคต่อภูมิภาค ขณะที่อาเซียนยืนยันการเจรจาระดับภูมิภาคในเดือนมีนาคา 2552 ถึงเดือนพฤษภาคม 2552 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้พักการเจรจาชั่วคราว อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปได้เริ่มหารือ 2 ฝ่ายระดับเจ้าหน้าที่กับสิงคโปร์ และเวียดนามแล้ว

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

การส่งออกแป้งมันสำปะหลัง ต้องดำเนินการอย่างไร

ตอบ 1. จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานที่ สำนักงานมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศ

2. แจ้งให้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและมาตรฐานการผลิตของโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง และตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าแป้งมันสำปะหลัง

3. ยื่นขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า

4. ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร

5. รายงานการส่งออกสินค้าแป้งมันสำปะหลังต่อสำนักงานมาตรฐานสินค้า (สำนักมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก)

ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังส่งออกไปสหภาพยุโรป มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร

ตอบ มันสำปะหลังเป็นสินค้ามาตรฐาน ต้องดำเนินการ ดังนี้

1. จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน ที่สำนักมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ

2. แจ้งให้มีการตรวจสอบสต็อกในครอบครอง (ในช่วงที่กำหนดให้มีการตรวจสอบ)

3. ขอรับใบอนุญาตส่งออก

4. จัดให้มีการตรวจสอบมาตรฐานสินค้า

5. ขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้า

6. ขอหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่สำนักบริหารการค้าต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ

7. รายงานการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังต่อสำนักงานมาตรฐานสินค้า (สำนักงานมาตรฐานการนำเข้าส่งออก)

สินค้ามาตรฐาน

ในการจดทะเบียนสินค้ามาตรฐานต้องดำเนินการอย่างไร

ตอบ จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกสินค้ามาตรฐานที่สำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก โดยแนบเอกสารต่าง ๆ เช่น ใบทะเบียนการค้า ใบทะเบียนพาณิชย์ หนังสือรับรองการเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง กับสินค้ามาตรฐานชนิดที่ขอจดทะเบียน รูปถ่ายกรรมการผู้จัดการ/หุ้นส่วนผู้จัดการหรือเจ้าของร้าน ขนาด 2.5 x 3 นิ้ว จำนวน 3 ภาพ ฯลฯ ใช้เวลาพิจารณาอนุมัติ 3-5 วันทำการ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานมาตรฐานสินค้า (สำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก) หรือสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.dft.go.th สินค้า >สินค้า>สินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้า>กฎระเบียบขั้นตอนการส่งออกสินค้ามาตรฐาน>หลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

สินค้าข้าว

การนำเข้าตัวอย่างข้าวจากประเทศญี่ปุ่น ต้องดำเนินการอย่างไร

ตอบ

ข้าวเป็นสินค้าภายใต้ WTO พิกัดศุลกากร 1006 ต้องขออนุญาตนำเข้าได้ที่ สำนักบริการการค้างต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ


ขั้นตอนการส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังต่างประเทศมีอะไรบ้าง

ตอบ ขั้นตอนที่ 1 ยื่นคำขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทค้าส่งไปจำหน่าย ต่างประเทศที่ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน (กำหนดอายุถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี)

ขั้นตอนที่ 2 ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าว ที่สำนักบริหารการค้าข้าวกรมการค้าต่างประเทศ (หากส่งออกข้าวหอมมะลิไทยต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย ที่สำนักงานมาตรฐานสินค้ากรมการค้าต่างประเทศ โดยกำหนดอายุถึง วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี)

ขั้นตอนที่ 3 ขอใบอนุญาตส่งออกข้าว ที่สำนักบริการการค้าต่างประเทศกรมการค้าต่างประเทศ


ค่าใช้จ่ายในการส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังต่างประเทศจำแนกเป็นอะไรบ้างและคิดเป็นจำนวนเงินเท่าไร

ตอบ 1. ยื่นคำขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวที่สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ค่าธรรมเนียมปีละ 20,000 บาท

2. ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวที่ สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

3. การขอใบอนุญาตส่งออกข้าวต้องเสียค่าใช้จ่ายชุดละ 30 บาท

4. จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย ที่สำนักมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ ค่าธรรมเนียม 2,500 บาทและค่าธรรมเนียม ต่ออายุปีละ 200 บาท

5. ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย โดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก (ขอรายชื่อบริษัทที่รับตรวจสอบข้าวหอมมะลิไทยได้ที่สำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก) หรือสืบค้นข้อมูลได้ที่ www.dft.go.th (หัวข้อสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้า)

5.1 ตรวจปล่อยสินค้าบรรทุกเรือใหญ่ หรือเรือลำเลียง ตันละไม่เกิน 18 บาท

5.2 ตรวจปล่อยสินค้าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ตู้แรกไม่เกิน 1,500 บาท ตู้ต่อไปตันละไม่เกิน 18 บาท

6. ค่าใช้จ่ายในการขอออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทยที่สภา หอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับละ 220 บาท

7. ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบข้าวชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไทย ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวเหนียว และข้าวนึ่ง โดยสำนักงานคณะกรรมการตรวจข้าว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีดังนี้

7.1 เป็นสมาชิกสภาหอการค้าฯ เก็บอัตราตันละ 2.50 บาท

7.2 ไม่เป็นสมาชิกสภาหอการค้าฯ เก็บอัตราตันละ 5 บาท

8. หากต้องการเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวออกต่างประเทศ

8.1 ค่าสมาชิกแรกเข้า รายละ 20,000 บาท

8.2 ค่าบำรุงรายปี ปีละ 60,000 บาท หรือเดือนละ 500 บาท

8.3 ค่าบำรุงพิเศษ ตันละ 1.50 บาท โดยเก็บตามจำนวนตันของข้าวที่ส่งออก

ขั้นตอนการซื้อขายข้าว เงื่อนไขที่จำเป็นต้องทราบมีอะไรบ้าง

ตอบ การติดต่อหาลูกค้า เพื่อให้ได้คำสั่งที่ชัดเจนแน่นอน หรือการเจรจาซื้อขายเพื่อทราบรายละเอียดกำหนดเมืองท่าปลายทาง ชนิด เวลาส่งมอบ เงื่อนไขการส่งมอบ การตรวจสอบคุณภาพ การชำระเงิน การตั้งตัวแทน การกำหนดราคาซื้อขาย ให้ติดต่อสอบถามที่ สำนักบริหารการค้าธัญพืชและสินค้าข้อตกลง กรมการค้าต่างประเทศ หากต้องการทราบราคาข้าวซื้อขายภายในประเทศ และราคาส่งออกข้าว F.O.B.สามารถเข้าดูได้ทางเว็บไซต์ www.riceexporters.or.th ราคาข้าวดังกล่าวเป็นราคาประมาณการ และเปลี่ยนแปลงทุกวันพุธ โดยคณะกรรมการผู้ส่งออกข้าว

การขอใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยจะต้องทำอย่างไร

ตอบ ผู้ส่งออก โรงสี ผู้ค้าปลีก ค้าส่ง ภัตตาคาร ร้านอาหาร สามารถขอใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยได้ตามเงื่อนไขที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนด โดยทำหนังสือแจ้งขออนุญาตใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยต่อผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ เมื่อสำนักฯมีหนังสือแจ้งอนุญาตก็สามารถใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยได้ตามเงื่อนไขกำหนด

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

สินค้าพวกเมล็ดผลิตภัณฑ์ที่ใช้สกัดทำน้ำมัน

ถ้าสินค้าจำพวกเมล็ดพันธุ์ที่ใช้สกัดน้ำมันพืช พิกัดศุลกากร 1507.10.0001 หรือ 1507.90.006 เป็นสินค้าภายใต้ WTO ให้ติดต่อสำนักมาตรการค้า กรมการค้าต่างประเทศ

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ใบชาสำเร็จรูป มีโควตามหรือไม่

ตอบ
ใบชาสำเร็จรูปชงแล้ว ถ้ามีกากเป็นสินค้ามีโควตา ต้องขออนุญาตินำเข้าที่สำนักบริการการค้าต่างประเทศ แต่ถ้าชงแล้วไม่มีกาก (instant) สามารถนำเข้าโดยใช้ชำระสิทธิเสียภาษีนอกโควต้าในอัตราปกติ

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

การนำเข้านมผงขาดมันเนยจากต่างประเทศ

นมผลขาดมันเนยเป็นสินค้าภายใต้ WTO ผุ้นำเข้าจะนำเข้ได้ต้องขอรับการจัดสรร หลังเกณฑ์ และวิธีการนำเข้า ติดต่อที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ
คำตอบของทุกปัญหาการค้าต่างประเทศ

บริการถ่ายภาพโดยมืออาชีพ

...คลิกที่รูป....บริการถ่่ายภาพสุดประทับใจ¨ prewedding รับประริญญา พิธีการต่่าง ๆ แฟชั่นอีกมากมาย ติดต่อ : 0899274733 msn:tuchkay@hotmail.com